วันจันทร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2554

สุภาษิตผญาคำสอนของปราชญ์อีสาน

เห็นว่ามีสุขแล้วผักตำนิลบ่อยากเบิ่ง
เห็นว่ามีสุขแล้วบ่เหลียวแลพวกเพื่อน
ในโลกนี้บ่ห่อนอยู่เดียวเป็น
คันว่ามีผืนผ้าบ่หาแพรพาดบ่า

คันได้กินต่อนซิ้นปลากั้งบ่อยากเหลียว
            คันบ่สุขอยู่เรื่อยสิเหลียวหน้าเบิ่งไผ
            อยู่แต่คนเดียวดายบ่ห่อนเป็นเมืองบ้าน
            สินุ่งแต่ผ้าไปได้จั่งใด๋

        
คันแม่นผู้เฒ่าบ่เข้าวัดฟังธรรม
เขาสินินทาท้วงติเตียนทั้งโลก
เขาสิว่าเฒ่าแก่แดดบ่เหลียวเบิ่งทางตม
เขาสิว่าเฒ่าแข้วว้ำบ่เหลียวเบิ่งทางธรรม
เขาสิกำดินพึกใส่โฮยนำหน้า
            เขาสิสับโขกเว้าคนเฒ่าบ่ดี
          เขาสิว่าเฒ่าแก่ลมบ่เหลียวเบิ่งทางหน้า
           เขาสิบ่ยำแยงนบท่อใยยองน้อย
    
         คนเฮานี้ ต้องเผิ่งอาศัยกัน                                     คือดังปลาอาศัยน้ำ น้ำกะเผิ่งวังปลา
         ปลาอาศัยวังเวิน จึ่งล่องลอยนาน้ำ                       ทามอาศัยห้วย งัวควยอาศัยแอก
         ตาแฮกอาศัยไก่ต้ม จึงโดนตุ้มจากคอน                  คือดังคอนอาศัยไม้ นกใส่อาศัยโกน
          คนกะอาศัยคน เผิ่งกันโดยด้าม                            คามอาศัยหม้อ หมอมออาศัยส่อง
         ฆ้องอาศัยไม้ฆ้อน ตีต้องจึงค่อยดัง......สั่นแล้วพี่น้องเอ้ย

        
          สามัคคีกันไว้ คือข้าวเหนียวนึ่งใหม่               อย่าได้เพแตกม้าง คือน้ำถืกข้าวเหนียว
         สามัคคีกันไว้ คือฝนแสนห่า                            ตกลงมาจากฟ้า ไหลโฮมโห่งอยู่หนอง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น